ณ อาณาจักรเป่ยเยว่ ด้านหน้าซ่องหัวหรงมีผู้คนจำนวนมากกำลังรวมกลุ่มกันเพื่อดูเรื่องสนุกผู้คนเหล่านี้ต่างพากันชี้เข้าไปยังภายในซ่อง เซ็งแซ่ไปด้วยถ้อยคำเหยาะเย้ย
“เอ๊ะ นี่เป็นคุณหนูจากตระกูลใดกันถึงได้ไม่อายฟ้าดินเช่นนี้”
“ท่าทางจะเป็นคุณหนูสามของตระกูลเย่ เจ้าดูปานที่อยู่ครึ่งหน้านั่น ไม่ใช่คุณหนูสามผู้นั้นหรอกหรือ”
“แหม ๆ ได้ยินมาว่าคุณหนูสามยังเป็นหวางเฟยที่ยังไม่ได้ถูกแต่งเข้าไปของท่านอ๋องน้อย พรุ่งนี้พวกเจ้าก็ลองไปดูที่จวนอ๋องดูเอาก็แล้วกัน ว่าท่านอ๋องน้อยถูกสวมเขาแล้วใช่หรือไม่”
เมื่อได้ยินดังนั้นผู้คนต่างก็พากันหัวเราะขึ้นมา
……
ร่างกายที่ถูกความหนาวเหน็บห่อหุ้มเอาไว้จนไร้ความรู้สึก ในหัวของเย่ชิงเกอมีเสียงดังไม่เป็นคำดังอยู่ เมื่อลืมตาขึ้นมาด้านหน้าก็เป็นท้องฟ้าสีครามกับเมฆสีขาว และผู้คนกลุ่มหนึ่งที่แววตาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
เย่ชิงเกอขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ากลุ่มคนตรงหน้านี้สวมใส่เสื้อผ้าไม่เหมือนกับในยุคปัจจุบัน
นางเป็นราชาแห่งทหารรับจ้างนิรนามในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ผู้บังคับบัญชาสั่งการให้นางไปยังภูเขาเฟิงซานเพื่อตามหาหยกพันปี เพิ่งจะได้เข้าไปในภูเขานางก็เจอเข้ากับเขาที่พังถล่มลงมา จนหาร่างของนางไม่พบ ช่างน่าเสียดายที่ต้องเสียทหารฝีมือดีอย่างนางไป
เย่ชิงเกอมองไปยังเหตุการณ์ที่อยู่เบื้องหน้าอย่างระแวดระวัง รับรู้ได้ถึงลมหนาวที่พัดผ่านตัวไปเป็นระลอกๆ นางก้มหน้าลงไปมองร่างของตัวเองอย่างนึกขึ้นได้ บนร่างของนางมีเพียงผ้าผืนบางที่ถูกปกคลุมเอาไว้เท่านั้น ร่องรอยบาดแผลฟกช้ำมองเห็นบ้างอยู่ประปราย ทำให้ผู้คนต่างคิดไปหลายทาง จึงทำได้เพียงเทียบได้กับเสื้อผ้าที่ดูไม่เรียบร้อย
เย่ชิงเกอใช้กำแพงเพื่อพยุงตัว ลุกขึ้นยืนอย่างไม่ค่อยมั่นคงนัก แขนขาราวกับถูกคนใช้ค้อนทุบเจ็บปวดจนไม่สามารถอดทนเอาไว้ได้
เมื่อนางเพิ่งจะยืนได้อย่างมั่นคงทันใดนั้นก็ปวดหัวขึ้นมาอย่างกระทันหัน สิ่งต่างๆมากมายพุ่งประเดประดังเข้ามาภายในหัวอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งล้วนแล้วแต่ไม่ใช่ความทรงจำของนางทั้งสิ้น
เย่ชิงเกอเป็นคุณหนูสามของตระกูลเย่ที่เกิดจากภรรยาหลวง เป็นคนไร้ค่าที่ไม่สามารถฝึกฝนวิชาได้ ไม่เพียงแต่เท่านั้น ด้วยเพราะว่ามีปานแดงที่ปกปิดไปกว่าครึ่งใบหน้าตั้งแต่เกิด ทำให้ได้ชื่อว่าเป็นหญิงอัปลักษณ์แม้แต่ในที่ห่างไกล
ส่วนเรื่องที่ว่าเหตุใดนางถึงได้มาอยู่ที่ซ่องหัวรงแห่งนี้ได้ จากความทรงจำที่มีล้นขึ้นมาทำให้เย่ชิงเกอรู้ว่าเมื่อคืนก่อนที่จะเข้านอนนางก็ถูกน้องสาวที่เกิดจากอนุอย่างเย่ชิงชิงเชิญให้ดื่มน้ำชาที่ศาลากลางน้ำ หลังจากที่น้ำชาไหลลงสู่ท้องนางก็ไม่รู้อะไรอีกแล้ว
แล้วก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่าหลังจากที่นางหมดสติลงไปแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง แต่ว่าเย่ชิงเกอรู้ก็คือ หลังจากที่เขาเฟิงซานถล่มลงมาแล้วไม่พียงแต่นางจะไม่ตาย เธอยังเกิดใหม่ในอีกโลกหนึ่งเสียด้วย
“ท่านพี่..….…”
น้ำเสียงที่ไพเราะดังขึ้น เงาร่างหนึ่งเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว สาวน้อยมองเย่ชิงเกอด้วยท่าทีเป็นกังวล มือทั้งสองข้างของนางประคองไล่ของเย่ชิงเกอเอาไว้
เย่ชิงเกอเหลือบตาขึ้นมอง สายตาจ้องเขม็งไปยังสาวน้อยที่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกระทันหัน เป็นเย่ชิงชิงนั่นเอง
“ท่านพี่ ข้ารู้ว่าท่านไปมาหาสู่กับพ่อบ้านหลิน แต่ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถหักห้ามความรู้สึกได้ ท่านเองก็ควรที่จะคิดถึงตระกูลเย่ และท่านอ๋องน้อยเสียบ้าง” เย่ชิงชิงโกรธจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ ท่าทีเคร่งเครียด “ท่านทำผิดประเวณีเช่นนี้ จะให้ท่านปู่ที่เฒ่าชราเช่นนั้นเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน ไหนจะความละอายใจขอท่านอ๋องน้อยอีกด้วย”
ช่างเป็นหญิงสาวที่เก่งกาจเสียจริง ๆ
ท่าทีของเย่ชิงเกอดูไม่ทุกข์ร้อน มองดูเย่ชิงชิงที่น้ำตาไหลนองด้วยท่าทางนิ่งสงบ คำพูดพียงคำลองคำของเย่ชิงชิงก็ทำให้นางดูเป็น “คนผิดประเวณี”ไปแล้วเสียได้
หากเรื่องนี้ถูกเล่ากันต่อไป ชีวิตของเย่ชิงเกอในชาตินี้ก็ย่อยยับพังพินาศไปเสียแล้ว
รอบ ๆ ข้างผู้คนต่างก็กระซิบกระซาบกันไปต่าง ๆ นานา บางคนก็พูดเอ่ยพลางมองเย่ชิงเกอด้วยสายตาดูแคลนไปด้วย
“ท่านพี่ ท่านตกใจจนเสียสติไปแล้วหรือ”
เย่ชิงชิงเขย่าตัวเย่ชิงเกอ เอ่ยอ่างเป็นกังวล “ท่านพี่ ท่านคงจะกลัวว่าจะได้รับโทษใช่หรือไม่ ไม่เป็นไร ท่านปู่เอ็นดูท่านเช่นนั้น จะต้องยกท่านให้กับพ่อบ้านหลินอย่างแน่นอน”
“ได้ยินมาว่าเจ้าเองก็ชอบท่านอ๋องน้อยมาตั้งนานแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าคิดว่าจะได้เป็นหวางเฟยของท่านอ๋องน้อยเช่นนั้นหรือ”
เย่ชิงเกอคิกว่าจะโต้ตอบอย่างไรอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็พูดตรงประเด็น
นางเองก็รู้ว่าเรื่องแบบนี้ยากที่จะอธิบาย ถึงแม้ว่านางจะกระโดดลงแม่น้ำหวงโหก็ไม่สามารถทำให้สะอาดกลับมาได้ พูดเอ่ยมากเท่าใดก็ไร้ประโยชน์ ส่วนคำพูดของนางนั้นผู้ที่ฉลาดเพียงแค่คิดจะทำความเข้าใจก็จะสามารถเข้าใจถึงความจริงได้



