NovelCat

Lee y descubre un mundo nuevo

Abrir APP
เส้นทางการโต้กลับของยอดหมอหญิงอัปลักษณ์

เส้นทางการโต้กลับของยอดหมอหญิงอัปลักษณ์

En proceso

โรแมนติก

เส้นทางการโต้กลับของยอดหมอหญิงอัปลักษณ์ PDF Free Download

Introducción

เฉียวชิงหวั่น คุณหนูใหญ่แห่งจวนรองเสนาบดี ชาติก่อน ความรักทำให้นางตาบอด นางอภิเษกกับบัณฑิตหนุ่มที่ไม่มีภูมิหลัง นางอาศัยบิดาของนางที่เป็นรองเสนาบดีในราชสํานัก ช่วยสามีของนางขึ้นครองตําแหน่งสูง รอจนเขาประสบความสําเร็จ เขากลับทําให้ครอบครัวของท่านตาของเฉียวชิงหวั่นและบิดาที่ซื่อสัตย์มาตลอดชีวิตของนางต้องแบกรับความอัปยศอดสูและตายอย่างไม่เป็นธรรม แค่นั้นยังไม่พอ ผู้ชายเลวคนนี้ยังแอบคบชู้กับน้องสาวของนาง แทงตานางที่ท้องแปดเดือนให้บอด แล้วเอานางไปโยนทิ้งที่สุสานศพไร้ญาติ ก่อนที่เฉียวชิงหวั่นจะตาย คาดไม่ถึงว่ามีเพียงศัตรูคู่อาฆาตในอดีตที่คลุมผ้าห่มผืนหนึ่งให้ศพของนางท่ามกลางหิมะตกหนัก... สวรรค์มีตา นางได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง เมื่อรอยแผลเป็นบนใบหน้าของนางหายไป ใบหน้าของนางงามงดยากที่จะหาใครเทียมได้ในโลกนี้ ฝีมือการรักษาอันยอดเยี่ยมของนางยิ่งล้ำเลิศ ถึงตอนนี้ทุกคนได้ตระหนักว่านางไม่ใช่เฉียวชิงหวั่นที่ใร้ประโยชน์อีกต่อไป
Mostrar Todo▼

Chapter 1

“จับนางเอาไว้ แทงลูกตานางให้บอดซะ!”

“ตายแล้ว? งั้นก็เอานางไปโยนทิ้งที่สุสานศพไร้ญาติเป็นอาหารให้พวกหมาจรจัด!”

”อ๊า!” ความเจ็บปวดแสนสาหัสและความเหน็บหนาวที่กัดกินลึกลงไปถึงกระดูกกำลังแทรกซึมไปทั่วทุกบริเวณของร่างกาย เฉียวชิงหวั่นดีดตัวขึ้นมานั่งจากบนเตียง ตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อที่แตกพลั่กทั่วทั้งร่างกาย

นางลูบคลำดวงตาของตนด้วยมือที่สั่นเทา ยังอยู่ ดวงตาของนางยังไม่บอด!

ทันใดนั้นเองนางก็เอะใจถึงบางสิ่ง จึงพุ่งตัวไปที่หน้ากระจก มองเห็นใบหน้าเล็กกลมมนที่ยังเต็มไปด้วยความเยาว์วัย— นี่คือตัวนางในวัยสิบสี่ปี!

นี่นาง…ย้อนกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง?

ใช่แล้ว นางย้อนกลับมาในช่วงเวลาที่นางอายุสิบสี่ปี! ตอนนี้ท่านแม่ยังไม่เสียชีวิต นางยังไม่เคยพบกับซ่งมู่ซือผู้ชายสารเลวคนนั้น!

นัยน์ตาทั้งสองข้างของนางแดงก่ำ ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ “ซ่งมู่ซือ ชาตินี้ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าลอยนวลเป็นแน่!”

ภาพตอนก่อนตายของนางยังคงฉายชัดในความทรงจำ

ซ่งมู่ซือสั่งให้คนนำนางไปขังไว้ในคุกศาลต้าหลี่ ใช้โซ่เหล็กเจาะทะลุกระดูกสะบักของนาง และล่ามไว้ในคุกที่อับชื้นและมืดมิด

ณ ตอนนั้นในท้องของนาง ตั้งครรภ์ลูกของซ่งมู่ซือได้แปดเดือนแล้ว

ซู่อี นางกำนัลคนสนิทแอบลงมาเพื่อจะช่วยนาง แต่กลับถูกซ่งมู่ซือจับได้ ถูกตีจนตายเสียตรงนั้น!

ก่อนตายซู่อีบอกกับนางว่า ซ่งมู่ซือแอบลักลอบคบชู้กับเฉียวซือโหรว น้องสาวคนละแม่ของนางมาเป็นเวลานานแล้ว พวกมันใส่ร้ายว่าตระกูลเฉียวแอบสมคบคิดกับศัตรูเพื่อทรยศแผ่นดิน ทำให้ตระกูลเฉียวทั้งตระกูลต้องโทษประหารชีวิต และได้ถูกสั่งตัดหัวต่อหน้าประชาชนไปแล้ว!

หากมิใช่ว่านางมีตราอาญาสิทธิ์รูปพยัคฆ์อยู่ในมือ น่ากลัวว่านางคงจะถูกประหารไปพร้อมกันแล้ว

ซ่งมู่ซือเตะเข้าที่ร่างศพของซู่อีอย่างแรง พลางพูดข่มขู่นางด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “เอาตราอาญาสิทธิ์พยัคฆ์มาให้ข้าเสียโดยดี ข้าอาจจะมีเมตตาให้เจ้าได้ตายอย่างไม่ทรมานมากนัก”

ดวงตาทั้งสองข้างของเฉียวชิงหวั่นแดงก่ำ “ซ่งมู่ซือ เจ้าลืมไปแล้วหรือ ว่าเป็นข้าและตระกูลเฉียวที่หนุนหลังเจ้ามาตลอด เจ้าถึงได้มีวันนี้!”

ตอนนั้นหากไม่ได้ความช่วยเหลือของนาง ซ่งมู่ซือที่เดิมเป็นเพียงบัณฑิตยากจนธรรมดาคนหนึ่ง จะก้าวขึ้นมาเป็นมือขวาของฮ่องเต้ได้อย่างไร!

ซ่งมู่ซือมีสีหน้าบึ้งตึงลงทันที หากมิใช่เพื่อเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้น มีหรือเขาจะต้องยอมทนอยู่กับผู้หญิงที่อัปลักษณ์อย่างเฉียวชิงหวั่นมาตั้งหลายปี

เฉียวซือโหรวที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นดังนั้น แสร้งทำเป็นพูดห้ามปรามว่า “ท่านพี่ เหตุใดจึงดุดันขนาดนี้? เดิมท่านพี่ก็เสียโฉมอยู่แล้ว ยังจะบังคับเข็ญใจให้คนอื่นต้องมาแต่งงานด้วย ก็คงไม่แปลกที่จะต้องมีจุดจบเช่นนี้!”

“เฉียวซือโหรว เจ้ายังมีหน้าพูดกับข้าอีกงั้นหรือ?”

เฉียวชิงหวั่นตัวสั่นระริกด้วยความโกรธแค้น นางเอ่ยถามน้องสาวที่ครั้งนึงเคยไว้ใจที่สุดว่า “ตระกูลเฉียวเคยทำอะไรผิดต่อเจ้า! เจ้าทำร้ายแม้กระทั่งพ่อของตัวเองลงคอได้อย่างไร? เจ้ามันสัตว์เดรัจฉานชัดๆ!”

“ท่านพี่พูดผิดแล้ว นั่นมันพ่อบังเกิดเกล้าของท่านพี่ ไม่ใช่ของข้าสักหน่อย”

เฉียวซือโหรวยิ้มพลางพูดต่อว่า “แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยให้ความรักกับข้าเหมือนลูกสาว ในสายตาของเขามีพี่เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว เพราะงั้นเขาสมควรตาย!”

เฉียวชิงหวั่นชะงักไปชั่วครู่ เห็นได้ชัดว่านางคิดไม่ถึงเลยว่าเฉียวซือโหรวไม่ใช่ลูกสาวตระกูลเฉียว!

“ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของท่านพ่อ แต่ท่านก็เป็นผู้เลี้ยงดูเจ้ามาจนโต ไม่เคยปล่อยให้เจ้าของลำบากขัดสนสิ่งใด ท่านเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์สุจริตมาทั้งชีวิต แต่เจ้ากลับทำให้เขาต้องจากไปพร้อมชื่อเสียงที่ถูกทำลายจนย่อยยับ เจ้ายังเป็นคนอยู่รึเปล่า?”

“จะพูดถึงซื่อสัตย์สุจริต ตระกูลของท่านตาพี่ถึงเรียกได้ว่าเป็นขุนนางตงฉินตัวอย่างจริงๆ น่าเสียดาย เพราะการความเด็ดเดี่ยวดื้อดึงของพี่ ทำให้พวกเขาต้องเป็นอันพินาศกันทั้งตระกูล ฝ่าบาทมีราชโองการตัดสินโทษให้ประหารชีวิตทุกคนในตระกูลด้วยข้อหากบฎ

“ไม่เพียงเท่านั้น หัวของท่านตาพี่ตอนนี้ยังถูกแขวนประจารอยู่บนกำแพงเมือง เพื่อเป็นการตักเตือนเหล่าขุนนางที่คิดไม่ซื่ออีกด้วยนะ”

“ก็อย่างว่าฮ่องเต้องค์ใหม่เพิ่งขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน ไหนเลยจะยอมเก็บผู้ไม่ยอมสวามีภักดิ์เอาไว้กัน ย่อมจะต้องทัการผลัดเปลี่ยนเหล่าขุนนางเก่าๆออกไปเป็นเรื่องธรรมดา หากมิใช่เพราะพี่ขัดขวาง ไม่แน่ท่านพ่อกับท่านตาของพี่อาจจะไม่ต้องตายอนาถเช่นนี้ก็เป็นได้!”

เฉียวชิงหวั่นจ้องมองนางด้วยความตกใจสุดขีด นางเซถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว แต่ขาอ่อนจนต้องทรุดลงไปกองกับพื้น

ในตอนนั้นนางไม่สนใจเสียงค้านของคนในครอบครัว ตัดสินใจแต่งงานเข้าบ้านสกุลซ่งที่ไม่มีทั้งเงินและฐานะอย่างเด็ดเดี่ยว

นางวางแผนต่างๆนานาช่วยสามี ทั้งยังแอบสนับสนุนให้องค์ชายหกได้ขึ้นครองบัลลังก์อย่างลับๆ ใครจะคาดคิดว่าหลังจากที่คนพวกนี้ใช้งานนางเสร็จแล้ว จะหันมาฆ่านางและครอบครัวอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้!

หากมิใช่เพราะนาง ท่านตากับท่านพ่อไหนเลยจะยอมสวามีภักดิ์ต่อองค์ชายหก

เพราะนางแท้ๆ ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของนางคนเดียว!

ซ่งมู่ซือ เจ้าทำสิ่งที่เลวทรามต่ำช้าไร้ซึ่งคุณธรรมได้ขนาดนี้ ไม่เกรงว่าสักวันจะโดนสวรรค์ลงโทษบ้างหรือ?

เฉียวซือโหรวเอ่ยเตือนด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “ท่านพี่ ข้าว่าพี่อย่าเสียแรงเปล่าเลย ยอมมอบอาญาสิทธิ์พยัคฆ์ของท่านตาพี่ออกมาเสียโดยดี พี่อาจจะได้ตายอย่างทรมานน้อยกว่านี้!”

ตราอาญาสิทธิ์พยัคฆ์นี่เป็นทั้งชีวิตของท่านตา นางไม่มีทางยอมเอาให้พวกมันเด็ดขาด หากมันตกไปในมือของฮ่องเต้องค์ใหม่ ประชาชนคงหนีไม่พ้นจากชะตากรรมที่ต้องผจญกับไฟสงครามไม่จบสิ้น

“วันนี้แม้ว่าข้าจะต้องตายตรงนี้ ข้าก็ไม่มีทางเอามันให้เจ้าเด็ดขาด!”

ซ่งมู่ซือที่หมดความอดทนไปนานแล้ว พูดด้วยเสียงเย็นว่า “ในเมื่อเจ้าไม่ยอมเอามาเสียโดยดี งั้นก็เอามันลงนรกไปเจอกับตาของเจ้าเลยแล้วกัน!”

ไม่มีตราอาญาสิทธิ์พยัคฆ์ เขาก็แค่ขาดของที่จะไปเอาใจฮ่องเต้ชิ้นหนึ่งเท่านั้น ซ่งมู่ซือไม่ได้ใส่ใจมากนัก

เฉียวซือโหรวรีบพูดออดอ้อนเสียงหวานว่า “ท่านพี่ซือ พี่กลับไปก่อนเถอะ อย่างไรนางก็เป็นพี่สาวของข้า ข้าอยากส่งนางเป็นครั้งสุดท้าย จะได้หรือไม่?”

ไม่นาน ซ่งมู่ซือก็เดินจากไป

เมื่อคนออกไปจนหมด เฉียวซือโหรวก็เผยธาตุแท้ของตนออกมาทันที นางพูดด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความอำมหิตว่า “เฉียวชิงหวั่น เจ้าโตมาด้วยใบหน้าอัปลักษณ์นี้ แต่กลับมาดวงตาที่ใสสว่าง… ทำให้ข้าเห็นแล้วรู้สึกขัดใจนัก”

“หนานเหลียน เจ้าไปแทงลูกตาของนางให้บอดเสีย”

นางกำนัลที่ยืนอยู่ด้านหลังนางมีสีหน้ากระอักกระอ่วน ร้อนใจราวกับผู้ที่เคยกระทำความผิดมหันต์ไว้

เฉียวซือโหรวถามเสียงเย็นว่า “ไม่เชื่อฟังข้า? ทำไม เจ้าสงสารเจ้านายเก่างั้นเหรอ? ”

ราวกับว่าหนานเหลียนเพิ่งจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ แล้วจึงเดินไปหยุดตรงหน้าของเฉียวชิงหวั่น “คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยต้องอภัยด้วย”

เฉียวชิงหวั่นถูกโซ่เหล็กล่ามเอาไว้ ไม่สามารถขัดขืนได้เลย ได้แต่ปล่อยให้อดีตสาวใช้แทงดวงตาของตนจนบอดสนิททั้งแบบนั้น

ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่ราวกับว่าหัวใจถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆนั้น มาจนตอนนี้นางก็ยังจำมันได้ขึ้นใจ

โลกตรงหน้าของนางจมลงสู่ความมืดมิด ความกลัว ความสิ้นหวัง ความเจ็บปวด ในนาทีนั้นนางรู้สึกทรมานกว่าความตายเสียอีก

เลือด ทำให้ชุดนักโทษบนตัวนางถูกย้อมจนเป็นสีแดงสด

ทว่าในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงของเฉียวซือโหรวดังมาจากข้างหูของนาง “ท่านพี่ พี่ฉลาดมาตลอดชีวิต แต่ก็โง่มาตลอดชีวิตเช่นกัน พี่รู้ไหมว่าทำไมข้าถึงต้องฆ่าพี่ให้ได้? ก็เพราะพี่ขวางทางข้าอยู่อย่างไรล่ะ พี่จึงต้องชดใช้ให้ข้า!”

“ก็เหมือนกับที่ท่านแม่ของพี่ขวางทางของท่านแม่ข้า นางก็เลยต้องตาย เหมือนพี่เลยใช่ไหม”

เฉียวชิงหวั่นจำได้ว่า ในตอนนั้นเพราะท่านแม่คลอดก่อนกำหนด ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงทุกวัน จนเสียชีวิตไปในที่สุด

นางทำได้แต่มองดูท่านแม่จากไป โดยที่นางไม่สามารถทำอะไรได้เลย ความรู้สึกแบบนั้นมันทรมานมากจริงๆ

ด้วยเหตุนี้ต่อมานางจึงตั้งใจศึกษาวิชาแพทย์ สาบานกับตัวเองว่าจะไม่มีทางปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง

ที่แท้เฉียวซือโหรวและแม่ของนางมีส่วนเอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย!

ไฟแห่งความแค้นกำลังสุมอยู่ในใจของเฉียวชิงหวั่น นางอยากลากผู้หญิงตรงหน้าให้ตายไปไปพร้อมกันกับนาง

นางพุ่งไปหาเฉียวซือโหรวอย่างบ้าคลั่ง กำปิ่นปักผมในมือแน่นพลางทิ่มแทงไปข้างหน้าอย่างไร้เป้าหมาย น่าเสียดาย ปิ่นปักผมเล่มนั้นกลับถูกเฉียวซือโหรวแย่งไปจากมือนางอย่างง่ายดาย และถูกปักเข้าที่หน้าอกข้างซ้ายของนางในเวลาต่อมา

“ท่านพี่ แม้แต่จะฆ่าคนพี่ก็ยังทำไม่ได้เลยงั้นเหรอ?”

นางหมุนปิ่นปักผมไปมา เฉียวชิงหวั่นรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้าในหัวใจ แม้แต่จะหายใจก็ยังยากลำบาก

เฉียวซือโหรวโยนปิ่นปักผมทิ้ง พลางมองดูนางอย่างเหยียดหยามและสมเพศ

“สภาพเช่นนี้ของพี่ ทำให้ข้านึกถึงลูกพี่ลูกน้องสาวของพี่ นางน่ะเหรอ ถูกโจรสกปรกหลายคนรุมโทรมจนค่อยๆตายไปช้าๆ ก่อนตายนางยังไม่ลืมที่จะขอร้องข้า ให้ไว้ชีวิตพี่ด้วยนะ ”

“ความรักของพี่น้องที่ยิ่งใหญ่นี้ ขนาดตัวข้ายังซาบซึ้งใจเลยเชียว งั้นพี่ก็รีบลงไปเจอนางโดยเร็วเสียเถอะ นางจะได้ไม่ต้องโดดเดี่ยวนาน…”

ชุดนักโทษใต้ปิ่นปักผมถูกย้อมด้วยสีแดงสดของเลือดอย่างรวดเร็ว เฉียวชิงหวั่นรู้สึกได้ถึงเลือดอุ่นๆที่กำลังไหลออกจากร่างกายและอุณหภูมิร่างกายที่ค่อยๆเย็นลงทีละนิด

ลมหายของนางแผ่วเบาราวกับเส้นด้ายที่กำลังจะขาด นางเอ่ยคำสาปแช่งที่ละคำอย่างยากลำบาก “ซ่งมู่ซือ เฉียวซือโหรว แม้ว่าข้าจะตายไป และกลายเป็นผีเฮี้ยน ข้าก็จะไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปแน่”